“ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก“ ยอมรับบททิชาหนักที่สุดในชีวิต แทบไม่ได้หัวเราะกับ ”กู่ เอกสิทธิ์“ ผู้กำกับในกอง ต้องฟังเพลงตลอดเวลา เพื่อเก็บความรู้สึกของคาแรกเตอร์นี้ไว้อยู่กับตัว บอกไม่ถือฉากที่ “ลูกเกด เมทินี” ใช้เท้าเหยียบหน้า เพราะเป็นนักแสดง แค่ทำไปตามบทบาทเท่านั้น แต่ยอมรับเป็นที่สุดในชีวิตการแสดง
ถึงกับทำให้นางเอกสาวเจ้าบทบาท “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ออกปากว่าบท ทิชา เป็นบทที่หนักที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยผ่านมาเลย แทบจะไม่ได้หัวเราะกันในกองกับผู้กำกับคู่ใจ “กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข” เลยด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้ยากที่สุดในการเจอหน้าพี่กู่ในการกำกับเลยค่ะ เพราะเราก็กลัวตัวเองจะเล่นไม่ได้ เขาก็อยากกำกับอีกแบบนึงที่เขาไม่ถนัด
มันเลยเป็นเรื่องที่เราหัวเราะกันน้อยที่สุดตั้งแต่เคยทำงานด้วยกันมาเลยค่ะ แต่การเข้าถึงตัวละครดีขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา หนูรู้ปัญหาว่าที่ผ่านมามันมีปัญหาบางอย่างที่ต้องรักษา รอบนี้ก็มีสมาธิมากขึ้น มีสติ และฝึกตัวเองมากขึ้นค่ะ จริงๆ พี่กู่ก็บอกว่าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะยากเบอร์นี้เหมือนกัน แต่พอมาเป็นบทแล้วเพิ่งรู้ว่ามันยากกว่าที่เราคิดไว้มากๆ
ความแตกต่างจากที่เคยเล่นมา อย่างแรกคือเราเพิ่งจบทองเนื้อเก้ากันไป พออาทิตย์ต่อไปเราเปิดเรื่องนี้เลย มันเลยเร็วมากๆ ทุกคนต้องสวิตซ์ทุกอย่างให้ได้เดี๋ยวนี้ และเอาเวลาที่พอมีเกือบอาทิตย์นี้ไปเวิร์กช็อปใหม่ และเรื่องนี้เฟิร์นจะใช้เพลงตลอดเวลา ถ้าเห็นเบื้องหลังก็จะเห็นเฟิร์นฟังเพลงตลอดเวลา เพื่อจะจูนอินค่ะ เฟิร์นจะเก็บความช้ำของทิชาที่มันเจ็บไว้ในเพลงเยอะๆ และด้วยเวลาที่กระชั้น เฟิร์นจะใส่หูฟังแล้วก็อยู่กับตรงนี้ตลอดเวลา และต้องพยายามไม่ให้เอาตัวละครไม่ออก ก็ต้องบาลานซ์ฝึกตัวเองตลอดเวลาเหมือนกันค่ะ”
บอกไม่เคยถือเรื่องการโดนใช้เท้าเหยียบหน้า เพราะเป็นนักแสดง ทำได้ไม่มีปัญหา“เหมือนพี่กู่ก็จะวางใจเฟิร์นเรื่องนี้นะคะ เขาก็จะถามว่าเฟิร์นอยากเล่นยังไง มองยังไง เฟิร์นก็จะบอกว่าเฟิร์นมองอย่างนี้ พี่กู่คิดว่ายังไง หลังจากนั้นก็จะมีเวิร์กช็อปค่ะ ในฉากตอนที่พี่เกด (เมทินี กิ่งโพยม) เหยียบหน้าก็ดีค่ะ (หัวเราะ) ดีกว่าที่คิดค่ะ แม่เกดก็มีการเช็ดรองเท้าให้ก่อนเล็กน้อย แล้วแม่ก็พยายามทรงตัว เพราะข้างนึงเขาก็จะต้องทิ้งน้ำหนัก เพราะเขาก็ไม่ได้เหยียบลงหน้าเราแรง น่ารักค่ะ ที่สุดในชีวิตไหม ก็คิดว่าที่สุดนะคะ ที่สุดทุกเรื่องเลยค่ะ มันมาเรื่อยๆ ถามว่าถือไหม เฟิร์นไม่เคยคิดมากเรื่องพวกนี้เลยค่ะ รู้สึกว่าหนูเป็นนักแสดงและตัวละครมันเจอมาแบบนี้ หนูก็คิดว่ามาถ่ายทอดตัวละครที่เราเจอแค่นั้นเองถามว่าเคยคุยกับพี่กู่ว่าขอบทเบาๆ บ้างไหม ไม่เคยบอกอะไรนางเลยค่ะ พอมีอะไรก็มาคุยกัน เราไม่ได้วางแผนกันมากมายนัก เวลามีงานก็คุยกันว่าเห็นอันนี้โอเค เห็นตรงกัน ก็ร่วมงานกัน ก็เริ่มโปรเจกต์ค่ะ แค่นั้นเลย”
ตอนแรกเอาตัวละครออกไม่ได้ แต่หลังๆ ก็เริ่มมีเทคนิคมาใช้มากขึ้น“ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ เหมือนตอนนั้นเฟิร์นจำเป็นต้องเก็บทุกชั้นของทิชาไว้เยอะ พอจะเล่าถึงเขามันก็เหมือนมีความเจ็บอยู่ข้างใน ถ้าเกิดได้ดูตั้งแต่ตอน 1 จะรู้ว่าทำไมเฟิร์นถึงต้องเก็บทุกอย่าง และตอนที่สัมภาษณ์แรกๆ ตอนที่ยังไม่คุ้นกับการนึกถึงตัวละคร ก็มีร้องไห้ มันหนักกว่าตัวละครอื่นๆ ที่เคยเล่นมาเลย หนักมากๆ ด้วยความที่มัน 8 ตอนมั้ง เขาก็เลยทำทุกอย่างให้มันเข้มข้นเร็วที่สุดตั้งแต่เปิดตัวเราเลย อย่างเรื่องอื่นๆ มันก็ค่อยๆ ไป แต่เรื่องนี้เฟิร์นต้องทำให้เสร็จไว้เลยอยู่ในตัวเอง
พอจะเอาเขาออกก็จะคิดว่าเฟิร์นทำเสร็จแล้วนะ บางคนก็มีเทคนิคว่าให้เฟิร์นเอาหัวไปชนกำแพงเบาๆ แตะไว้ แล้วค่อยๆ เอาตัวละครออก แต่เรื่องหน้าก็จะพยายามสลับเปลี่ยนคาแรกเตอร์บ้างแล้วค่ะ”