ต้องตกใจไหม! ฟุตซอลไทยเลือดใหม่ตกบัลลังก์อาเซียน
แม้จะเป็นสายเลือดใหม่ แต่คงไม่มีใครเตรียมใจไว้ว่าทีมฟุตซอลทีมชาติไทย จะไปไม่ถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกชิงแชมป์อาเซียน
ยิ่งเป็นการแข่งในบ้านเราด้วยแล้ว ยิ่งเกินความคาดหมาย
ความเป็น “เจ้าพ่อวงการโต๊ะเล็ก” การจัดศึกอาเซียน 17 ครั้งที่ผ่านมา ไทยได้แชมป์ไปถึง 16 ครั้ง
ครั้งเดียวที่ไม่ได้ คือครั้งที่ไม่ได้ส่งแข่งขัน ในปี 2010
ศึกที่เทอร์มินอล ฮอลล์ นครราชสีมา ช้างศึกโต๊ะเล็ก ต้องประสบความพ่ายแพ้ 2 นัด
หลังจากชนะ บรูไน 13-0, ชนะ ติมอร์เลสเต 7-1 และชนะ มาเลเซีย 3-1
นักเตะของ มิเกล โรดริโก ส่งท้ายรอบแรก แพ้ เวียดนาม 2-3 ก่อนที่รอบตัดเชือก โดน อินโดนีเซีย อัด 5-1
แล้วมาจบด้วยอันดับ 3 จากการชนะออสเตรเลีย
จากที่เป็นรายการขนม เมื่อเปลี่ยนชุดเป็นนักเตะหน้าใหม่ กลับไม่ประสบความสำเร็จ
นั่นความว่านักเตะเลือดใหม่ของไทย ห่างชั้นชุดเก๋าขนาดนั้นเลยเหรอ
จากชุดฟุตซอลโลก มี ณรงค์ศักดิ์ วิงวอน กับ กฤษณ์ อรัญสัญญาลักษณ์ นอกนั้น มิเกล ให้โอกาสนักเตะหน้าใหม่ได้ลองของ
“อย่าลืมว่าพวกเราเป็นทีมที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก็ต้องมีข้อผิดพลาดกันบ้าง” มิเกล โรดริโก กล่าวหลังเกมที่แพ้อินโดนีเซีย
ต้องยอมรับว่า เป็นความผิดหวังของแฟนบอลส่วนใหญ่ แต่สำหรับ มิเกล แล้ว เขามองอีกมุม
“ผมไม่เศร้า เพราะอย่างน้อยเด็กชุดนี้ก็ได้เจอของจริงแล้ว และจะได้รู้ว่าระดับเป็นอย่างไร แถมก่อนเกมเรามีผู้เล่นบาดเจ็บ 2 คน ทำให้มีตัวเลือกไม่มากนัก”
กุนซือสแปนิช ที่เคยได้รับความนิยมกับลูกบู๊ไม่ยอมใครจากฟุตซอลโลก จะหมดสัญญาการทำงานกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในสิ้นปีนี้ แต่หลังจากศึกอาเซียนคพ ก็ไม่มีโปรแกรมแล้ว นั่นหมายความว่า จบศึกอาเซียน ก็จบงาน…ถ้าไม่ต่อสัญญากันใหม่
ซึ่งดูเหมือน มิเกล จะอยาก “ไปต่อ”
“ตอนนี้ผมมีไฟที่ลุกโชนในการจะสร้างทีมใหม่ขึ้นมา เด็กหลายคนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งยังต้องใช้เวลา และรายการนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้เรียนรู้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชั่นใหม่ของฟุตซอลไทย”
ขณะที่เจ้าพ่อฟุตซอลไทย “บิ๊กป๋อม” นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมฯ ยอมรับในความพ่ายแพ้และต้องขอโทษแฟนๆฟุตซอลไทย
กระนั้นก็ตาม นายอดิศักดิ์ มองว่าความพ่ายแพ้ของไทย ก็เป็นวัฏจักรที่ต้องเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงมาถึง ซึ่งเขามองว่า รายการนี้คือจังหวะที่เหมาะสม
“เหตุการณ์ในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดใดต้องเกิดขึ้นในสักวัน การถ่ายเลือดใหม่เป็นนโยบายเพื่อให้นักเตะใหม่ๆ ได้มาหาประสบการณ์อย่างจริงจัง”
“ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเล่นคัดเลือก เพื่อไปแข่งขันรายการใดจึงควรจะเป็นเวทีระดับนานาชาติเวทีแรกที่ดาวรุ่งมีโอกาสจะได้เรียนรู้และทดสอบ ผมคิดว่านักเตะทำหน้าที่กันได้ดีและเต็มที่แล้ว สิ่งที่ยังขาดคือประสบการณ์”
“เป็นสิ่งที่จะสอนพวกเขาให้เดินหน้าก้าวต่อไปได้ในอนาคต เพราะอย่างไรเราก็ต้องสร้างรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนให้ได้ไม่สามารถจะใช้ผู้เล่นเดิมไปได้ตลอด อยากจะให้แฟนฟุตซอลไทยได้เข้าใจและให้โอกาสเด็กๆชุดนี้ได้ก้าวต่อไป” บิ๊กป๋อม กล่าว
จากการอยู่อย่างไร้เทียมทานในระดับอาเซียน วันนี้ฟุตซอลไทยโดนเขย่าตกจากบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว
ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้คู่แข่งด้วย ที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
ขณะที่การถ่ายเลือดของทีมฟุตซอลไทย ไม่มีใครปฏิเสธว่าสักวันก็ต้องถึงเวลา แต่ข้อสงสัยคือ เปลี่ยนทีมแบบพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินเกินไปหรือไม่ ทำให้เหมือนปล่อยมือให้หน้าใหม่ลุยกันเอง จนบางคนมีอาการเล่นไม่ออก เกร็ง ผิดฟอร์ม
ที่ผ่านมาฟุตซอลไทย ก็เคยอยู่ในลักษณะแบบนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงก็จะค่อยๆ เป็น ค่อยไป ค่อยๆ เติมเข้ามา โดยมีรุ่นพี่ประคอง จึงรับไม้ต่อกันได้อย่างเนียนๆ
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้มีการเตรียมทีมชาติในชุด ยู 20-21 อย่าง มูฮัมหมัด อุสมานมูซา นี่ก็มากับ มิเกล ในชุด 20 ปี
แต่ปัจจุบันชุดเล็กไม่มีให้นักเตะได้ชิมลางเกมระดับชาติก่อน เมื่อปล่อยลงน้ำทีเดียว หวังว่าระดับอาเซียนจะไม่ยาก พอเป็นเวทีทดลองได้ จึงออกอาการสะเปะสะปะ และไปไม่ถึงดวงดาว
กระนั้นก็ตาม มองโลกในแง่ดี ถ้าเรามองไกลระดับชิงแชมป์โลกแล้ว ในชิงแชมป์อาเซียนอาจไม่ใช่รายการสลักสำคัญเท่าไหร่นัก แม้ผลงานครั้งนี้จะกระแทกหัวใจแฟนฟุตซอลแบบไม่ทันตั้งตัว
การสร้างเลือดใหม่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน พลาดซะแต่ตอนนี้ จะได้เป็นบทเรียนที่ไปถอดรหัสเป็นแนวทางต่อไปในอนาคต
ท็อปของเอเชีย มุ่งสู่ฟุตซอลโลก คือเป้าหมายใหญ่ การบ้านจากชิงแชมป์อาเซียนคงแสดงให้เห็นชัดๆ ว่าจะเดินกันอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาสถานภาพของฟุตซอลทีมชาติไทยเอาไว้.